| 
ข่าวต่างประเทศ- วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1886  เป็นวันครบรอบที่ "คาร์ล เบนซ์"   ได้จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์คิดค้นรถยนต์คันแรกของโลกซึ่งมีชื่อว่า “เบนซ์  มอเตอร์วาเก้น” บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด  ร่วมฉลองโกลบอลแคมเปญ “125! Years of innovation” ในโอกาสครบรอบ 125 ปีที่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก พร้อม มุ่งสร้างสรรค์อนาคตแห่งการขับเคลื่อนและตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรม ยานยนต์อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์  ครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์หรูมากว่าศตวรรษ  | 
 |   |  | 1.รถยนต์คันแรกของโลกซึ่งมีชื่อว่า “เบนซ์ มอเตอร์วาเก้น” |  |   |  |  
 | 
 | ศาสตราจารย์ ดร.  อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)  จำกัด กล่าวว่า ในปี 2011 นี้ เป็นปีสำคัญที่เดมเลอร์ เอจี  ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศเยอรมนีจะจัดงานครบรอบ 125 ปี  รถยนต์เมเซอร์เดส-เบนซ์ที่คาร์ล เบนซ์  ได้จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์คิดค้นรถยนต์คันแรกของโลกซึ่งมีชื่อว่า “เบนซ์  มอเตอร์วาเก้น” เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1886  ทำให้วันนี้ของทุกปีกลายเป็นวันสำคัญในฐานะวันถือกำเนิดรถยนต์คันแรกของโลก 
 | 
 | 
แคมเปญเฉลิมฉลองการครบรอบในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ของเมอร์เซเดส-เบนซ์  ในการเป็นผู้นำด้วยความเชื่อมั่นและสไตล์ที่เป็นบทพิสูจน์ในตัวเอง  โดยได้ผสานทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตของแบรนด์เราในแบบที่เรียบง่าย  แต่สื่อสารได้อย่างชัดเจนว่า  | 
 |   |  | 1.ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด |  |   |  |  
 | 
 | 
"เราได้คิดค้นรถยนต์ขึ้นเมื่อ 125 ปีที่แล้ว  เรายังคงคิดค้นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ  อย่างไม่ขาดสาย  และเราจะยังรักษาบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนด้วย การเป็นผู้นำนวัตกรรม โดยเราจะมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ใน 5  ด้าน ได้แก่ ผู้นำนวัตกรรมด้านการผลิตรถยนต์  ผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยียนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม  ผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัย ผู้นำนวัตกรรมด้านความสะดวกสบาย  และผู้นำนวัตกรรมด้านดีไซน์”  | 
 |   |  | 1.คาร์ล เบนซ์ ได้จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์คิดค้นรถยนต์คันแรกของโลกซึ่งมีชื่อว่า “เบนซ์ มอเตอร์วาเก้น” |  |   |  |  
 | 
 | ผู้นำนวัตกรรมด้านการผลิตรถยนต์ ซึ่ง ถือเป็นหัวใจที่นำไปสู่ความสำเร็จและเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เมอร์เซเด ส-เบนซ์ มีบทบาทสำคัญสู่การเป็นผู้นำในการคิดค้นและพัฒนาเครื่องยนต์  หากไร้ซึ่งนวัตกรรมแล้ว รถยนต์ของเราก็จะไร้ซึ่งการพัฒนาโดยสิ้นเชิง  หนึ่งในนวัตกรรมที่มีความสำคัญที่สุดของบริษัท ได้แก่  รถยนต์สมัยใหม่คันแรกรุ่น เมอร์เซเดส 35 HP  ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ ของปี ค.ศ. 1900  รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นต้นแบบของรถยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้กันอยู่จวบจนปัจจุบัน  โดยมีการใช้หลักการติดตั้งเครื่องยนต์ตรงส่วนหน้ารถและขับเคลื่อนด้วยแรงส่ง ของล้อด้านหลังสองล้อ  อันเป็นแบบแผนทั่วไปของเลย์เอ้าท์สำหรับรถยนต์ที่มีการผลิตใช้กันมาอย่างยาว นาน นอกจากนี้รถยนต์รุ่นเมอร์เซเดส 35 HP  ยังเป็นยานพาหนะคันแรกที่ส่งให้แบรนด์เมอร์เซเดสกลายเป็นตำนานในหน้าประวัติ ศาสตร์ยานยนต์ในฐานะแบรนด์รถยนต์สมัยใหม่แบรนด์แรกของโลก 
 | 
 | 
ผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยียนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม   เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการสร้างยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ในแง่ของความพยายามใช้พลังงานทางเลือก  เมอร์เซเดส-เบนซ์แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านนี้มาตั้งแต่ปี 1906  โดยได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยี Hybrid  จากพลังงานแบตตารี่อิเล็คทรอนิคมาใช้ควบคู่กับน้ำมันเชื้อเพลิง  ในช่วงปลายทศวรรษ 60  ความก้าวหน้าในการพัฒนาพลังงานทางเลือกเดินทางมาถึงจุดที่มีความหลากหลายและ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการทดสอบเชื้อเพลิงทางเลือกมากมาย อาทิ  ก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงที่มีสารต้นเป็นแอลกอฮอล์ และไฮโดรเจน ในปี 1994  เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ช็อควงการยานยนต์ครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัว NECAR 1  ซึ่งเป็นรถเซลล์เชื้อเพลิงรังผึ้ง หรือ Fuel Cell จนล่าสุดในปี 2010  อิเล็คทริคคาร์ที่ใช้พลังงานจากแบตตารี่ก็ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกันถึง 3 รุ่น  A-Class E-Cell, Vito E-Cell และ B-Class F-Cell  โดยการสร้างสรรค์รถยนต์ในซีรีส์ต่างๆ  ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นนำมาซึ่งแนวคิด BlueEFFICIENCY  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาปรับใช้กับการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ   ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพทางด้านสมรรถนะและความรับผิดชอบที่มีต่อสภาพแวดล้อม และทรัพยากรของโลกเข้าด้วยกัน  | 
 |   |  | 1.เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ใน 5 ด้านได้แก่ Innovation, Technological Leadership, Safety, Comfort และ Design |  |   |  |  
 | 
 | 
 | 
 | ผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัย นับ ตั้งแต่ประดิษฐกรรมยานยนต์ได้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.  1886 เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งมั่น  สานต่อความทุ่มเทด้านการพัฒนาความปลอดภัยอย่างจริงจังมาโดยตลอด  โดยบริษัทของเรามีพันธกิจหลักในการ  ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ให้เป็นศูนย์  ดังนั้นนวัตกรรมชั้นนำต่างๆ ที่เราเริ่มต้นบุกเบิกขึ้นจึงได้กลายเป็น  บรรทัดฐานในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ  ส่วนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารซึ่งได้รับ สิทธิบัตรในปี 1951, ระบบเบรค ABS  ระบบเบรคป้องกันล้อล็อคในปี 1978, ถุงลมนิรภัยที่นำมาใช้ตั้งแต่ปี 1981  รวมไปถึงระบบทรงตัว อัตโนมัติ ESP®(Electronic Stability Program) ในปี  1995 และระบบปกป้อง PRE-SAFE® ในปี 2002 โดยจะเห็น  ว่านวัตกรรมเหล่านี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไปใน ปัจจุบัน 
 | 
 | 
 | 
 | ผู้นำนวัตกรรมด้านความสะดวกสบาย ความสบายที่ เหนือกว่าคือการเป็นเจ้าของโซลูชั่นเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ สามารถโลดแล่นอยู่บนถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2003  ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการยานยนต์ถูกเขียนขึ้นอีกครั้งเมื่อบริษัทได้ พัฒนาเกียร์แบบ ออโตเมติค 7 สปีดและนำมาใช้กับรถยนต์นั่งโดยสารรุ่นต่างๆ  มากมาย อาทิ E 500, S 430, S 500, CL 500 และ SL 500 V8 เป็นครั้งแรกของโลก  โดยเกียร์ชนิดนี้พลิกโฉมการขับขี่ให้เกิดความสบายสูงสุดในการควบคุม  ช่วยให้การทำงานประสานกับเครื่องยนต์เป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  และล่าสุดในปี 2010 เกียร์ออโต้ 7  สปีดนี้ก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ที่เรียกว่า 7G-TRONIC PLUS  โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Torque converter และใช้กับรุ่นท็อปโมเดลอย่าง  CL-Class และ S-Class คู่กับเครื่องยนต์แบบ BlueDIRECT 
 | 
 | 
 | 
 | ผู้นำนวัตกรรมด้านดีไซน์  ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการจำกัดนิยามของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์  ซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอที่แสดงออกผ่านทางสัญลักษณ์ดาวสามแฉกที่สะท้อนถึความ หมายในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความทันสมัย  รวมถึงคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย  และนวัตกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิเช่น  หลังช่วงสงครามโลกที่สอง เมอร์เซเดส-เบนซ์  ได้วางจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ 300 SL หรือ “เบนซ์ปีกนกนางนวล  (Gullwing)” สุดหรูที่ได้ชื่อว่าเป็นดีไซน์ไอคอนแห่งยุค แม้ในปัจจุบัน  รถรุ่นนี้ยังเป็นที่ต้องการของสาวกเบนซ์ทั่วไปและได้รับการโหวตให้เป็น  “รถสปอร์ตแห่งศตวรรษ” โดยคณะกรรมาธิการผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ในปี 1999  และหนึ่งในโมเดลที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซีรีส์ “เบนซ์หางปลา  (Fintail)” ที่ประกอบด้วยรุ่น 220, 220 S และ220 SE ในปี 1959  เป็นซีรีส์ที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบส่วนหลังของรถที่ทั้งสวยงามและให้ ความสะดวกเมื่อเข้าจอดในช่องจอดรถแคบๆ 
 | 
 | 
 | 
 | 
ฉัตวิทัย ตันตราภรณ์  ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการเฉลิมฉลองโกลบอลแคมเปญ 125! Years of  innovation” ถือเป็นการตอกย้ำแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนส์  ในฐานะผู้สร้างประวัติศาสต์แห่งโลกยานยนต์มากว่า 125 ปี ในประเทศไทยนั้น  บริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอแบรนด์  เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ดูก้าวล้ำนำสมัยอย่างต่อเนื่อง  พร้อมนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ที่เพียบพร้อมด้วยดีไซน์และเครื่องยนต์ใหม่ๆ  แบบหลากหลายขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า  ด้วยองค์ประกอบด้านการออกแบบอันน่าหลงใหลและทันสมัย  พร้อมด้วยคุณภาพอันเป็นเลิศ และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง  และที่สำคัญต้องโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะของรถด้วย  นอกจากนั้นเราจะมีการจัดกิจกรรมตอบแทนลูกค้า ภายใต้โปรแกรมที่ชื่อว่า  “Appreciation” เพื่อสร้างความสัมพันธ์และทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด  รวมถึงการให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย  และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการในส่วนของศูนย์ซ่อมบำรุงและโชว์รูมของผู้ จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับสากล  |  | 
 |   |  | 1.นายฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด |  |   |  |  
 | 
 | 
อ้างอิง http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000012283  | 
 |   |  | 1.สื่อสิ่งพิมพ์ที่ สื่อถึงความเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านยานยนต์มากว่า 125 ปี  ตั้งแต่รถยนต์คันแรกของโลกซึ่งมีชื่อว่า “เบนซ์ มอเตอร์วาเก้น” จนมาถึง  “F800” คอนเซปต์คาร์ ในปัจจุบัน |  |  |  |   |  |  |  | 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น